Goat football website logo

ดูบอลสด

ย้อนกลับ

NaN นาทีที่ผ่านมา

ข่าวฟุตบอลอื่นๆ

ดูทั้งหมด

ชูเอา เฟลิกซ์ กองหน้าสัญญายืมตัว บาร์เซโลน่า อ้างว่า ตนได้โน้มน้าวใจให้แข้งรุ่นพี่ในทีมชาติอย่าง แบร์นาร์โด้ ซิลวา ย้ายมาร่วมทัพ บาร์ซ่า ในช่วงตลาดซื้อ-ขายนักเตะหน้าร้อนนี้

''ผมคิดว่าผมได้โน้มน้าว แบร์นาร์โด้ ซิลวา ให้ย้ายมาร่วมทัพ บาร์ซ่า นั่นคือเรื่องจริง !'' เฟลิกซ์ บอกกับ กาตาลุญญา เรดิโอ

''แต่ตอนนี้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขา เขาถามผมเกี่ยวกับเรื่องที่พักอยู่อาศัย, สถานที่กิน, ความปลอดภัย ทุกอย่างเลยล่ะ !''

''ถ้าเขาย้ายมา บาร์ซ่า จะแฮปปี้กับ แบร์นาร์โด้ อย่างแน่นอน''

ในเมื่อเดือนสิงหาคม 2023 แข้งทีมชาติโปรตุเกส วัย 29 ปี ได้ขยายสัญญาฉบับใหม่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกไปจนถึง 30 มิถุนายน 2026 ท่ามกลางความสนใจจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ บาร์เซโลน่า ในเวลานั้น

ขณะที่ ฟาบริซิโอ โรมาโน่ เคยรายงานไว้ในปีที่แล้วว่า แบร์นาร์โด้ มีค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ 50 ล้านปอนด์ ซึ่งจะเริ่มเปิดใช้งานได้เฉพาะในซัมเมอร์นี้เท่านั้น

ทั้งนี้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ลงเล่นให้กับ ''ซิตี้'' ไปแล้วทั้งหมด 346 นัดในทุกรายการ ทำไป 65 ประตู กับอีก 61 แอสซิสต์ และประสบความสำเร็จกับ ''เรือใบสีฟ้า'' อย่างมากมาย

สนใจย้าย? เฟลิกซ์ อ้าง สตาร์ แมนฯ ซิตี้ ถามตนเรื่องที่พักอยู่อาศัยใน บาร์ซ่า

8 วันที่ผ่านมา

ลิเวอร์พูล พบกับข่าวดีเมื่อ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ดิโอโก้ โจต้า, อลิสซอน เบ็คเกอร์ และ สเตฟาน บายเซติช ต่างกลับมาฝึกซ้อมได้แล้ว

นักเตะทั้ง 4 รายถูกพบเห็นว่าลงซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมมื้อล่าสุดระหว่างเตรียมตัวสำหรับเกมยูโรป้า ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก พบกับ อตาลันต้า คืนพฤหัสบดีนี้

ยังคงต้องรอดูว่าทั้ง 4 คนจะพร้อมสำหรับการเจอกับ อตาลันต้า หรือไม่โดยที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ จะอัพเดตความพร้อมของทีมในการให้สัมภาษณ์ก่อนเกมวันพรุ่งนี้

ลิเวอร์พูล พบกับปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนมาหลายเดือน แต่ตอนนี้ต่างกลับมาแล้วโดย แอนดี้ โรเบิร์ตสัน, เคอร์ติส โจนส์ และ ไรอัน กราเฟนแบร์ค ก็เพิ่งคัมแบ็คเมื่อไม่นานนี้

พร้อมกับ ดาร์วิน นูนเญซ, หลุยส์ ดิอาซ และ โคดี้ กัคโป ก็สลัดปัญหาอาการบาดเจ็บเช่นกัน ในขณะที่ วาตารุ เอ็นโดะ กลับมาลงตัวจริงในเกมเสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

เยอร์เก้น คล็อปป์ ไม่มี อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ให้ใช้งานนับตั้งแต่เกมที่เอาชนะ เบิร์นลี่ย์ 3-1 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์หลังพบอาการเจ็บหัวเข่า ในขณะที่ โจต้า ก็ห่างหายจากสนามมาตั้งแต่เกมชนะ เบรนท์ฟอร์ด ในอีกสัปดาห์ถัดมาด้วยปัญหาเดียวกัน

อลิสซอน นายทวารมือหนึ่งเองพลาดการเฝ้าเสามาตั้งแต่เกมพ่าย อาร์เซนอล ต้นเดือนกุมภาพันธ์ทำให้ ควีวิน เคลเลเฮอร์ ต้องทำหน้าที่แทนตลอดช่วงที่ผ่านมา

ขณะที่ บายเซติช ก็ไม่ได้ลงสนามกับ "หงส์แดง" มาตั้งแต่เดือนกันยายนหลังมีปัญหาอาการเจ็บระยะยาว และใช้เวลาเรียกความฟิตกับทีมชุด ยู-23 ตลอดช่วงที่ผ่านมา

นั่นทำให้ตอนนี้ ลิเวอร์พูล เหลือเพียง ติอาโก้ อัลคันทาร่า และ โจเอล มาติป ที่ต้องพักรักษาตัวต่อไป

ลิเวอร์พูล ได้ข่าวดี 4 นักเตะกลับมาลงฝึกซ้อมได้แล้ว

8 วันที่ผ่านมา

วิลเลี่ยม กัลลาส อดีตกองหลัง เชลซี แสดงความคิดเห็นว่าทีมเก่าของเขาอาจต้องเซ็นสัญญากับสองนักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่าง บรูโน่ แฟร์นานเดส และ มาร์คัส แรชฟอร์ด เพื่อเพิ่มผู้นำในห้องแต่งตัว

"ทั้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ บรูโน่ แฟร์นานเดส อาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับ เชลซี ทั้งคู่เป็นผู้เล่นที่มีคุณภาพ เชลซี เป็นทีมที่มีนักเตะดาวรุ่งมากมาย และ บรูโน่ แฟร์นานเดส มีคุณสมบัติความเป็นผู้นำในการผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากได้" กัลลาส กล่าวกับ Gambling Zone

ทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ฟอร์มย่ำแย่ในฤดูกาลนี้ โดยปัจจุบันรั้งอันดับที่ 9 ของตาราง และมีแนวโน้มสูงที่จะพลาดตั๋วไปเล่นฟุตบอลยุโรปเป็นฤดูกาลที่สองติดต่อกัน

ท็อดด์ โบห์ลี่ พร้อมทุ่มเงินจำนวนมหาศาลกับผู้เล่นใหม่ โดยนับตั้งแต่กลุ่มสมาคมเคลียร์เลคของอเมริกาเข้ามาเทคโอเวอร์ในปี 2022 พวกเขาใช้จ่ายเงินไปมากกว่า 1 พันล้านปอนด์

กัลลาส แนะ เชลซี เซ็น 2 แข้งสำคัญ แมนยู เพื่อเพิ่มผู้นำในทีม

8 วันที่ผ่านมา

เวย์น รูนี่ย์ ตำนานกองหน้าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมรับว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด คงต้องมองหาทางย้ายสโมสรเพื่อเรียกฟอร์มการเล่นกลับคืนมาอีกครั้ง

"เขามีฤดูกาลที่ยากลำบากมาก เราทุกคนรู้ดีว่าเขามีความสามารถและมีคุณสมบัติครบถ้วนในการเป็นผู้เล่นระดับโลก" รูนี่ย์ กล่าว

"นั่นคือสิ่งที่น่าหงุดหงิด ฤดูกาลที่แล้วเขายิงประตูได้มากมาย แต่ฤดูกาลนี้เขาฟอร์มตก ดูไม่มีความสุขเวลาเล่นเลย คุณสงสัยว่าการย้ายทีมคือตัวเลือกที่ดีที่สุดของเขาในการเริ่มต้นใหม่หรือเปล่า? แต่เขาคือเด็กแมนเชสเตอร์"

"ผมอยากเห็นเขาเรียกสู่เส้นทางอาชีพกับสโมสร ทำประตูเป็นกอบเป็นกำ และพยายามช่วยให้สโมสรคว้าถ้วยแชมป์ แต่แน่นอนว่าเขามีฤดูกาลที่ยากลำบาก"

แรชฟอร์ด กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งในเกมที่เสมอ ลิเวอร์พูล 2-2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังถูกดร็อปจากเกมพ่าย เชลซี 4-3 แต่ก็ถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงครึ่งหลังหลังมีอาการบาดเจ็บ

ดาวเตะวัย 26 ปี ฟอร์มตกอย่างน่าใจหายเมื่อทำได้เพียง 8 ประตูเท่านั้นจากการลงสนาม 38 นัดในฤดูกาลนี้ และตกเป็นข่าวกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง อยู่เป็นระยะ

รูนี่ย์ ชี้เหตุผลทำไม แรชฟอร์ด อาจต้องย้ายออกจาก แมนยู

8 วันที่ผ่านมา

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เทรนเนอร์ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดเผยว่า เควิน เดอ บรอยน์ มีอาการป่วยก่อนเกม ทำให้มีชื่อเป็นเพียงตัวสำรองในเกมเสมอกับ เรอัล มาดริด เมื่อคืนที่ผ่านมา

"เขารู้สึกไม่สบาย ก่อนหน้านี้เราได้ประชุมกัน เขาพร้อมแล้ว แต่พอเขามาถึงที่นี่ในห้องแต่งตัว เขาก็เริ่มอาเจียน และพูดว่าผมยังไม่พร้อม"

กวาร์ดิโอล่า เปลี่ยนแปลงตัวจริง 4 ตำแหน่งจากเกมที่แล้วที่เอาชนะ คริสตัล พาเลซ 4-2 โดยให้ มาเตโอ โควาซิช, มานูเอล อคานจี, แบร์นาร์โด้ ซิลวา และ ฟิล โฟเด้น ลงเป็นตัวจริง

อาการป่วยของ เดอ บรอยน์ เป็นข่าวร้ายให้กับ แมนฯ ซิตี้ ไม่น้อย หลังจากเจ้าตัวเพิ่งระเบิดฟอร์มทำ 2 ประตูและ 1 แอสซิสต์ในเกมพบ พาเลซ

ดาวเตะชาวเบลเยียมไม่ใช่ผู้เล่นคนสำคัญเพียงคนเดียวที่พลาดลงสนามแมตช์เสมอ เรอัล มาดริด โดยที่ ไคล์ วอล์คเกอร์ และ นาธาน อาเก้ ได้รับบาดเจ็บไม่มีชื่อในทีมแต่แรก

เป๊ป เผยเหตุผลจับ เดอ บรอยน์ นั่งสำรองเกม แมนซิตี้ บุกเจ๊า มาดริด

8 วันที่ผ่านมา

ลิเวอร์พูล ยืนยันว่า อันเดรียส ชลุมแบร์เกอร์ หัวหน้าฝ่ายฟื้นฟูสภาพร่างกายและศักยภาพของสโมสร จะออกจากตำแหน่งในช่วงสิ้นสุดฤดูกาลนี้

ชลุมแบร์เกอร์ เป็นส่วนหนึ่งในทีมสต๊าฟฟ์โค้ชของ ลิเวอร์พูล มาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2020 และเขาจะกลับไปเยอรมนีเมื่อถึงเวลาที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ออกจากตำแหน่งกุนซือ

เขายังมีสัญญากับ "หงส์แดง" จนถึงปีหน้า แต่ทว่าล่าสุดบรรลุข้อตกลงที่จะอำลาจากสโมสรเมื่อถึงเดือนพฤษภาคม

ทั้งนี้ ชลุมแบร์เกอร์ ถูกดึงมาจาก ชาลเก้ 04 เพื่อมารับตำแหน่งใหม่ที่โฟกัสไปกับการดูแลการฟื้นฟูสภาพร่างกายของนักเตะหลังหายเจ็บ โดยหน้าที่หลักของเขาคือการช่วยให้นักเตะทำกายภาพบำบัดจนเสร็จสิ้นรวมถึงการช่วยพวกเขาเรียกความฟิตก่อนกลับมาซ้อมเต็มสูบเพื่อที่จะไม่เกิดอาการบาดเจ็บซ้ำอีก

ก่อนหน้านี้ ชลุมแบร์เกอร์ เคยผ่านการร่วมงานกับ คล็อปป์ มาแล้วที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ โดยเป็นโค้ชฝ่ายฟื้นฟูสภาพร่างกายระหว่างปี 2011-2015

ลิเวอร์พูล ยืนยันอีกหนึ่งสต๊าฟฟ์โค้ชอำลาสโมสรหลังจบฤดูกาล

8 วันที่ผ่านมา

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยืนยันว่า จอห์น เมอร์เทอห์ จะออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการฟุตบอลและอำลาจากสโมสร

แถลงการณ์จาก แมนฯ ยูไนเต็ด ยืนยันว่า "จอห์น เมอร์เทอห์ จะก้าวลงจากตำแหน่งผู้อำนวยการฟุตบอลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และออกจากสโมสร หลังจากทำหน้าที่ต่าง ๆ มากมายที่แคร์ริงตันมาเกือบ 11 ปี"

เมอร์เทอห์ ได้รับการแต่งตั้งเข้ารับงานตำแหน่งผู้อำนวยการฟุตบอลเมื่อปี 2021 แต่มีการขยับเปลี่ยนแปลงตำแหน่งมากมายภายในสโมสรนับตั้งแต่ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ เข้าถือหุ้นบางส่วน อาทิเช่น โอมาร์ เบร์ราด้า เข้ามาทำงานเป็นซีอีโอ

ก่อนหน้านี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้ทาบทาม เจสัน วิลค็อกซ์ ผู้อำนวยการฟุตบอลของ เซาแธมป์ตัน ซึ่งคาดว่าเขาจะเข้ามารับตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคคนใหม่ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ด้วยเช่นกัน

ล่าสุด "ปีศาจแดง" ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า เมอร์เทอห์ จะออกจากตำแหน่งและอำลาจากสโมสรให้หลังทำงานมาเป็นเวลานานเกือบ 11 ปี และเชื่อว่า แดน แอชเวิร์ธ ที่ปัจจุบันโดน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด จับพักงานชั่วคราว (gardening leave) เข้ามาเป็นตัวแทนของเขา

แมนยู ยืนยัน เมอร์เทอห์ อำลาตำแหน่งผอ.ฟุตบอล

8 วันที่ผ่านมา

เควิน เดอ บรอยน์ เป็นเพียงตัวสำรองที่ไม่ได้ถูกใช้งานในเกมสำคัญเนื่องจากมีอาการป่วย ขณะที่ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ หายไปจากเกมอีกครั้งเมื่อโดนเกมรับของ เรอัล มาดริด ประกบติด

อย่างไรก็ตามผลเสมอทำให้ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังไม่เสียหาย เพราะเกมหน้าจะได้เล่นต่อหน้าแฟนบอลตัวเองที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม

และนี่คือ 4 ประเด็นสำคัญที่เรามองเห็นจากเกมที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว . . .

เชื่อว่าแฟนบอลบ่น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่น้อยตอนทราบรายชื่อตัวจริงของ แมนฯ ซิตี้ ก่อนเกมเมื่อ เควิน เดอ บรอยน์ กองกลางคนสำคัญกลับเป็นเพียงตัวสำรองแบบเซอร์ไพรส์

อย่างไรก็ตามหลังจบเกม กวาร์ดิโอล่า เปิดเผยว่ามิดฟิลด์ชาวเบลเยียมมีอาการป่วย อาเจียนก่อนเกมไม่นาน ทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากดร็อปแข้งคนสำคัญเป็นตัวสำรอง

ขุมกำลังของ "เรือใบสีฟ้า" พร้อมทดแทนกันได้เสมอ แต่เกมระดับนี้เมื่อมี เดอ บรอยน์ อยู่ในสนามคงอาจได้เห็นการสร้างสรรค์โอกาสเพื่อตัดสินเกมไม่มากก็น้อย เพราะงั้นเหล่าซิติเซนส์ต่างภาวนาว่าเขาจะฟิตสมบูรณ์พอสำหรับเกมหน้า

การบาดเจ็บของ ไคล์ วอล์คเกอร์ มีผลไม่น้อยในการรับมือกับตัวรุกของ เรอัล มาดริด โดยเฉพาะ โรดรีโก้ ที่เกมนี้สร้างความปั่นป่วนอย่างมากเมื่อเจ้าบ้านได้เปิดเกมสวนกลับ

มานูเอล อคานจี มีปัญหาอย่างเห็นได้ชัดในการรับมือปีกทีมชาติบราซิล ดังประตูที่สองของ เรอัล มาดริด ที่สปีดสู้ไม่ได้เลย ในทางกลับกันหากเป็น วอล์คเกอร์ การวัดสปีดคงจะสูสี

การยืนไลน์เกมรับสูงเป็นดาบสองคมให้กับ แมนฯ ซิตี้ เพราะจุดนี้เองที่ "ราชันชุดขาว" คอยเล่นงานและได้ผลด้วย ดังนั้น กวาร์ดิโอล่า อาจต้องรัดกุมขึ้นในเลกสอง และหวังว่า วอล์คเกอร์ จะหายเจ็บ

ผู้ชนะเกมการแข่งขันถูกชี้วัดด้วยจำนวนประตู และกองหน้าคือตำแหน่งที่ถูกคาดหวังมากที่สุด แต่ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ที่ซีซั่นนี้ฟอร์มอาจไม่ได้เปรี้ยงปร้างเท่าซีซั่นก่อนต้องดิ้นรนในการเอาชนะแผงเกมรับของเจ้าบ้าน

อันโตนิโอ รูดิเกอร์ กับ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ตามติดหัวหอกทีมชาตินอร์เวย์ไม่ให้กระดิกเลย และสถิติเปิดเผยว่า ฮาแลนด์ หาโอกาสยิงได้เพียงหนเดียวเท่านั้น!

ส่วนหนึ่งที่ฟอร์มของ ฮาแลนด์ อาจไม่ดีเท่าซีซั่นก่อนเพราะปัญหาเรื่องความฟิตด้วยซึ่งไปทำลายโมเมนตัมของนักเตะ กระนั้นการมีเขายืนค้ำหน้าช่วยดึงแนวรับ เรอัล มาดริด อยู่กับเขา 1-2 คนได้ตลอด ซึ่งมันช่วยเปิดช่องให้เพื่อนร่วมทีมได้โอกาสลุ้นทำประตูด้วย

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เลยใน 3 นัดหลังสุดที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบว เมื่อพบกับ เรอัล มาดริด (เสมอ 2 แพ้ 1)

ฟิล โฟเด้น ทำไป 6 ประตูจากนอกกรอบให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้ มากที่สุดในบรรดาผู้เล่นของสโมสรในพรีเมียร์ลีกรวมทุกรายการ

ประตูของ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังจากผ่านไป 108 วินาที ถือเป็นประตูที่เร็วที่สุดอันดับสองสำหรับทีมที่มาเยือน เรอัล มาดริด ในทัวร์นาเมนต์ยูฟ่า

เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ทำประตูไม่ได้เลยจาก 3 นัดที่ลงเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อเจอ เรอัล มาดริด (ยิง 8 ครั้ง เข้ากรอบ 6 ครั้ง 0 ประตู)

เรอัล มาดริด 3-3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : ประเด็นหลังเกมแชมเปี้ยนส์ลีก เรือใบสีฟ้า บุกเสมอสุดมัน เมื่อคืนวาน

8 วันที่ผ่านมา

นับเป็นเกมแชมเปี้ยนส์ลีก ที่สนุกสมราคาสองเต็งแชมป์เมื่อ เรอัล มาดริด เปิดบ้านไล่ตามเจ๊า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-3 ต้องลุ้นกันต่อในเลกสอง ของรอบ 8 ทีมสุดท้าย

แมนฯ ซิตี้ ได้สามประตูจาก แบร์นาร์โด้ ซิลวา ยิงให้ทีมขึ้นนำตั้งแต่ไก่โห่ จากนั้นแม้โดนยิงแซง "เรือใบสีฟ้า" ก็แซงกลับจาก ฟิล โฟเด้น และ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล สุดท้าย เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ ซัดตีเสมอทำให้เลกแรกจับมือเจ๊ากันไป

จบเกมนี้ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะลงเตะเกมพรีเมียร์ลีก โดยเปิดบ้านรับการมาเยือนของ ลูตัน ทาวน์ สุดสัปดาห์นี้

สเตฟาน ออร์เตก้า - 6/10

ยังคงได้รับความไว้วางใจให้ลงเฝ้าเสาเป็นตัวจริงแม้ว่า เอแดร์ซอน หายเจ็บกลับมาแล้วก็ตาม หมดสิทธิ์เซฟสามประตูที่เสียไป แต่ก็ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความประหม่า

มานูเอล อคานจี - 4/10

มีปัญหาในการรับมือกับความเร็วและความคล่องของ โรดรีโก้ เห็นได้ชัดเลยกับประตูที่สองของเจ้าถิ่น

จอห์น สโตนส์ - 6/10

ดันขึ้นสูงเป็นมิดฟิลด์เสียส่วนใหญ่ แถมบางครั้งสูงจนถึงขั้นเสมือนเป็นกองกลางตัวรุกด้วยซ้ำ กลับมาพร้อมกับความมั่นใจซึ่งเป็นเรื่องดีในเกมต่อจากนี้

รูเบน ดิอาส - 5/10

พยายามขวางทางลูกบอลแต่กลายเป็นการสกัดเข้าประตูตัวเองจนให้ เรอัล มาดริด กลับคืนสู่เกมเร็ว ต้องดิ้นรนไม่น้อยเมื่อดวลกับ โรดรีโก้

ยอสโก้ กวาร์ดิโอล - 8/10

เกมรับถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว แถมโบนัสคือการซัดประตูสุดสวยด้วยเท้าข้างขวาที่ไม่ถนัดได้อย่างเฉียบขาด

โรดรี้ - 7/10

ครึ่งแรกอาจไม่ใช่มาตรฐานของเขา มีจังหวะจ่ายบอลเสียง่าย ๆ ที่ไม่น่าเกิดขึ้นในเกมใหญ่แบบนี้ ก่อนยกระดับตัวเองขึ้นมาในครึ่งหลัง

แบร์นาร์โด้ ซิลวา - 7/10

ฉลาดเป็นกรดจากจังหวะหลอกยิงฟรีคิกให้ทีมขึ้นนำ การครองบอลที่เหนียวแน่นยังคงเป็นจุดเด่น สร้างประโยชน์ให้ทีมมากมายเมื่อได้ครองบอล

มาเตโอ โควาซิช - 6/10

สภาพความฟิตไม่เต็มร้อยของ เดอ บรอยน์ ทำให้เขาได้ลงตัวจริงในเกมนี้ คอยทำหน้าที่เป็นลูกหาบของ โรดรี้ แต่มีครึ่งแรกที่ไม่ค่อยดีนัก ก่อนค่อย ๆ ดีขึ้นมาในครึ่งหลัง

ฟิล โฟเด้น - 7/10

อาจไม่ได้สัมผัสบอลมากอย่างที่ตัวเองคาดหวัง แต่เมื่อลูกบอลอยู่กับตัวก็สร้างความอันตรายได้ทุกเมื่อจนนำไปสู่ประตูสุดสวยอีกคน

แจ็ค กรีลิช - 7/10

สร้างความปั่นป่วนน้อยไปหน่อยในครึ่งแรก แต่ครึ่งหลังถือว่าฉายแววโดดเด่นเลยจนได้แอสซิสต์ให้ กวาร์ดิโอล

เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ - 4/10

ไม่ได้รับอนุญาตให้มีส่วนร่วมกับเกมมากนัก เพราะโดนเกมรับเจ้าบ้านประกบติดยิ่งกว่าอะไร แต่การมีเขาอยู่ก็ช่วยเปิดพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีมเช่นกัน

ตัดเกรดนักเตะ แมนซิตี้ เกม แชมเปี้ยนส์ลีก นัดบุกเสมอ เรอัล มาดริด 3-3 เมื่อคืนที่ผ่านมา: Player Ratings

8 วันที่ผ่านมา

ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้ายเมื่อคืนที่ผ่านมามีลงทำการแข่งขันกัน 2 คู่ด้วยกันประกอบด้วย อาร์เซนอล ที่เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ บาเยิร์น มิวนิค ขณะที่อีกคู่หนึ่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีคิวบุกเยือน เรอัล มาดริด

(ซาก้า 12 ทรอสซาร์ 76 / กนาบรี้ 18 เคน 32)

ที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เจ้าบ้านออกนำเร็วจาก บูกาโย ซาก้า นาทีที่ 12 แต่ก็มาโดนตีคืนสองลูกรวดจาก แซร์จ กนาบรี้ นาทีที่ 18 และจุดโทษของ แฮร์รี เคน นาทีที่ 32 ก่อนที่ครึ่งหลัง เลอันโดร ทรอสซาร์ จะมาตีเสมอให้เจ้าถิ่นไล่มาเป็น 2-2 ก่อนจะจบ 90 นาทีไปด้วยสกอร์ดังกล่าว

(ดิอาส [OG] 12 โรดริโก้ 14 บัลเบร์เด้ 79 / ซิลวา 2 โฟเด้น 66 กวาร์ดิโอล 71)

ที่ ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว ทีมเยือนบุกมานำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 2 จาก แบร์นาร์โด้ ซิลวา หลังจากนั้นเจ้าบ้านมายิงคืนสองลูกรวดจาดการทำเข้าประตูตัวเองของ รูเบน ดิอาส นาทีที่ 12 และ โรดริโก้ นาทีที่ 14 ครึ่งหลังทีมเยือนมายิงคืนสองลูกบ้างจาก ฟิล โฟเด้น นาทีที่ 66 และ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล นาทีที่ 71 แต่แล้ว เฟร์เดริโก้ บัลเบร์เด้ มายิงให้เจ้าถิ่นตีเสมอเป็น 3-3 และจบเกมในเลกแรกไปด้วยผลเสมอในที่สุด

สรุปผลบอลเมื่อคืน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก คืนวันอังคารที่ 9 เมษายน : อาร์เซนอล แมนซิตี้ จูงมือเจ๊า

8 วันที่ผ่านมา

แต่เกมนี้มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย แม้ ปืนใหญ่ จะพยายามเปิดเกมบุกเข้าใส่และออกนำก่อน แต่ บาเยิร์น เองก็ตั้งรับได้ดีแถมยังฉวยโอกาสจากความผิดพลาดจนแซงกลับมานำ 1-2 นั่นทำให้ อาร์เซนอล ต้องเหนื่อยกว่าจะไล่ตีเสมอได้ ยิงไปกว่านั้นยังเกือบจะโดนคาบ้านจากลูกยิงของ โกมอง ที่ไปชนเสาช่วงท้ายเกม รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิดในที่สุด

รูปเกมในวันนี้ อาร์เซนอล ดูดีกว่าในเรื่องการครองบอลก็จริง แต่นั้นดูเหมือนจะเป็นแผนของ ทูเคิล ที่วางไว้อยู่แล้ว กับการตั้งรับอย่างใจเย็นและรอสวนกลับ ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้แผงหลัง ปืนใหญ่ กลับเล่นผิดฟอร์ม จากที่เคยแข็งแกร่งดังหินผา วันนี้พวกเขากลับมีจังหวะผิดพลาดง่าย ๆ ซึ่งหากเป็นในลีกอาจจะรอดไป แต่นี่คือ บาเยิร์น ทีมระดับหัวแถวของทวีปที่สามารถฉวยโอกาสเอาไว้ได้อย่างเฉียบคม ทั้งจากการส่งบอลพลาดในแดนหลังจนโดนสวนกลับและเป็นประตูตีเสมอ รวมถึงการเปิดพื้นที่ให้ ซาเน ได้เลี้ยงจนไปพลาดทำฟาวล์ในกรอบและเสียจุดโทษโดนแซงนำ 1-2 ในครึ่งเวลาแรก

อีกหนึ่งในจังหวะไฮไลท์ของเกมนี้อยู่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งหลังที่ บูกาโย ซาก้า ได้โอกาสหลุดเดี่ยวเข้ากรอบเขตโทษ ก่อนจะล็อคหลบ มานูเอล นอยเออร์ ได้แต่มีจังหวะขาไปสะกิดกันเล็กน้อยซึ่ง ซาก้า ตัดสินใจทิ้งตัวล้มและสุดท้าย VAR เช็คแล้วก็ไม่ได้จุดโทษ

ซึ่งจังหวะดังกล่าวค่อนข้างชัดเจนว่าปีกจอมพริ้วรายนี้ "มุ่ง" จะเอาจุดโทษมากเกินไปจนพลาดโอกาสสำคัญ เพราะหากเจ้าตัวเลือกยิงจังหวะแรก หรือหลังจากล็อคผ่านแล้วมุ่งมั่นจะเล่นต่อ โอกาสในการส่งบอลเข้าประตูคงมีมากกว่านี้แน่ แต่นี่เลือกที่จะทิ้งตัวทั้งที่การปะทะก็เป็นการลากขาไปหา นอยเออร์ ชัดเจน

โชคดีที่ปีนี้กฎ "อเวย์โกล" ไม่ถูกนำมาใช้นั่นทำให้แม้จะเสียสองประตูแต่สำหรับ อาร์เซนอล ก็ยังเท่ากับว่า "เสมอ" ไม่ได้เปรียบหรือเสียเปรียบแต่อย่างใด แต่... นั่นหมายความว่าหากพวกเขาจะผ่านเข้ารอบไปได้พวกเขาต้องบุกไปอัด เสือใต้ ถึงถิ่น อัลลิอันซ์ อารีนา ทั้งที่เกมนี้เล่นในบ้านยังเกือบไม่รอด ซึ่งต้องบอกเลยว่าลุ้นกันเหนื่อยแน่นอนและอาจมีเกมยาวถึงจุดโทษสองรอบติดก็เป็นได้

ขณะที่คู่แข่งในรอบถัดไปก็ยังไม่ชัดเจนเพราะ เรือใบสีฟ้า เองก็ทำได้เพียงบุกไปเสมอกับ เรอัล มาดริด แบบยิงกันอุตลุด 3-3 ต้องไปลุ้นกันในเลกสองที่ เอติฮัด ต่อเช่นกัน โดยทั้งสองคู่จะลงแข่งพร้อมกันในคืนวันพุธหน้า หรือในวันที่ 17 เมษายน แฟนตัวจริงของทั้งสองทีมห้ามพลาด !

อาร์เซนอล 2-2 บาเยิร์น มิวนิค : เก็บตกประเด็นหลังเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ปืนใหญ่ ยันเจ๊า เสือใต้

8 วันที่ผ่านมา

ไม่มีจังหวะได้ออกแรงเซฟเลยในเกมนี้ ประตูแรกที่เสียก็โดนโฉบมายิงลอดขาเข้าไป ส่วนจุดโทษก็พลาดรีบทิ้งตัวจนโดนหลอกยิงเข้าไป ท้ายเกมโดนยิงลอดขาอีกครั้งแต่โชคดีบอลไปชนเสา

กาเบรียล - 6

พลาดจ่ายบอลเสี่ยงจนสุดท้ายเสียบอลและเสียประตู หลังจากนั้นในภาพรวมถือว่าป้องกันได้ดี แต่ก็มีปัญหาอยู่บ้างในการเจอความเร็วของ ซาเน ในช่วงครึ่งแรก

วิลเลียม ซาลิบา - 6

ทำเสียจุดโทษจากจังหวะกะจังหวะสะกัด ซาเน พลาดไป หลังจากนั้นก็ไม่โดนทดสอบมากนักในช่วงเวลาที่เหลือ

ยาคุป คิวิออร์ - 5

ได้รับโอกาสลงเล่นเพียง 45 นาทีแรก มีจังหวะรับบอลพลาดส่งผลทำให้ทีมเสียประตู

เบน ไวท์ - 7

ทำได้ 1 แอสซิสต์จากการจ่ายให้ ซาก้า ยิงเข้าไปช่วงต้นเกม หลังจากนั้นมีจังหวะวิ่งไล่กวดกลับมาบล็อคทางยิงของ ซาเน ได้ดี ส่วนจังหวะเติมเกมรุกวันนี้ยังทำได้ไม่ดีนักกับการเปิดบอลจากริมเส้น

ดีแคลน ไรซ์ - 6

คอยช่วยตัดเกมแดนหลัง เจองานหนักในการรับมือกับเกมสวนกลับของ บาเยิร์น เกมรุกแทบไม่มีส่วนร่วมกับทีมเท่าใดนักตลอด 90 นาที

จอร์จินโญ - 6

บทบาทส่วนใหญ่อยู่ที่การช่วยตัดบอลแดนกลาง มีจังหวะดวลต่อตัวตัวกับแนวรุกทีมเยือนอยู่บ้างซึ่งก็ทำได้ดี แต่วันนี้ยังไม่มีจังหวะจ่ายสวย ๆ ให้เห็น

มาร์ติน โอเดการ์ด - 6

พยายามช่วยเชื่อมเกมแดนบน แต่วันนี้ยังทำอะไรได้ไม่มากนัก ไม่มีพื้นที่และเวลาให้ได้เล็งจ่ายบอลสวย ๆ เลย

ไค ฮาเวิร์ตซ์ - 6

บทบาทกับเกมน้อยมาก บอลมาแทบไม่ถึงเลย หาจังหวะจบเองไม่ได้ ทำได้เพียงไล่บอลในแดนบน

กาเบรียล มาร์ติเนลลี - 6

พยายามไปกับบอลทางกราบซ้าย แต่วันนี้ยังไม่สามารถเอาชนะ โจชัว คิมมิช ไปได้ บทบาทกับการสร้างสรรค์เกมยังมีไม่มากนัก

บูกาโย ซาก้า - 7

ยิงประตูแรกให้กับทีมอย่างงดงาม คู่คี่สูสีในการดวลตัวต่อตัวกับ อัลฟอนโซ เดวีย์ส หลังจากนั้นมีจังหวะได้ลากเลื้อยอยู่บ้าง ช่วงท้ายเกมมีจังหวะหลุดเดี่ยวแต่เลือกจะทิ้งตัวจนพลาดโอกาสทองไป

โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ แทนที่ คิวิออร์ นาทีที่ 46 - 6

ลงมาช่วยเติมเกมกลางสนามกับบทบาทอินเวิร์ตฟูลแบ็คที่คอยหุบมาช่วยต่อบอลแดนกลาง

เลอันโดร ทรอสซาร์ แทนที่ จอร์จินโญ นาทีที่ 66 - 7

ลงมายิงประตูตีเสมอ 2-2 ให้ทีมได้อย่างเฉียบคม

กาเบรียล เชซุส แทนที่ มาร์ติเนลลี นาทีที่ 66 - 7

ลงมาสร้างความหวือหวาในแดนหน้าได้ดี ไปกับบอลสวย ๆ หลายครั้งพร้อมทำ 1 แอสซิสต์ช่วยทีมตีเสมอในครึ่งหลัง

ตัดเกรดนักเตะ อาร์เซนอล เกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดเปิดบ้านยันเสมอ บาเยิร์น 2-2 : Player Ratings

8 วันที่ผ่านมา

กาเซมิโร กองกลางของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมรับว่า เขาถึงกับนอนไม่หลับเมื่อพบว่า ทีมของตนนั้นหมดลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ไปแล้ว หลังจากที่พาทีมเปิดบ้านเสมอกับ ลิเวอร์พูล 2-2 ในศึก วันแดงเดือด เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้เวลานี้มีแต้มตามหลังอันดับ 4 อยู่ 11 คะแนน และตามหลังจ่าฝูงถึง 22 คะแนน

"มันยากมาก แต้มบนตารางมันรบกวนจิตใจผมมาก เมื่อเห็นว่าเราไม่ได้กำลังต่อสู้เพื่อที่จะลุ้นแชมป์"

"การตามหลังทีมจ่าฝูงถึง 20 คะแนน บางครั้งมันทำให้ผมถึงกับนอนไม่หลับเพื่อพยายามคิดว่า เราต้องทำบางอย่างเพื่อสร้างความแตกต่าง มันคือเรื่องจริง เราไม่ได้อยู่ในจุดที่ต้องสู้เพื่อแชมป์ หรือพื้นที่ แชมเปี้ยนส์ลีก เราต้องคิดถึงเกมในวันนี้"

"เราต้องคิดกันวันต่อวัน เรามีโอกาสที่จะทำได้ 9 คะแนน 3 เกมหลังสุด แต่เราทำได้แค่ 2 แต้มเท่านั้น เราผิดหวังมาก เราต้องคิดกันเกมต่อเกม และโฟกัสไปที่เกมต่อไป ในการเจอกับ บอร์นมัธ"

กาเซมิโร ยอมรับ แมนยู หมดลุ้นแชมป์ตนทำนอนไม่หลับ

8 วันที่ผ่านมา

อุมแบร์โต้ มารีโน ผู้จัดการทั่วไปของ อตาลันต้า ยอมรับว่าการได้เจอกับ ลิเวอร์พูล ในศึก ยูฟา ยูโรป้าลีก สัปดาห์นี้ ถือเป็นเกมที่สำคัญสำหรับสโมสรของตนก็ว่าได้

"มันเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก เรารู้ว่าเราทำงานหนักแค่ไหนและอดทนแค่ไหนเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้แกับการได้เล่นใน ลิเวอร์พูล"

"ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่แข็งแกร่งและมีเทคนิค แต่พวกเราก็จะเล่นด้วยสปิริตเหมือนกับเกมที่เจอ กายารี เมื่อวานนี้ เราจะต้องเป็น อตาลันต้า ที่แข็งแกร่ง ด้วยความความที่จะแสดงให้เห็นในการแข่งขันชิงแชมป์ถ้วยรองของทวีปแบบนี้"

"เรากำลังสร้างประสบการณ์ในค่ำคืนที่จะจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของ อตาลันต้า การเล่นที่ แอนฟิลด์ ต่อหน้าแฟนบอล มันจะไม่เหมือนในปี 2020 มันจะเป็นสิ่งที่ต้องจดจำไปตลอดชีวิต"

บิ๊ก อตาลันต้า ชี้เยือน ลิเวอร์พูล คือเกมสุดสำคัญในประวัติศาสตร์สโมสร

8 วันที่ผ่านมา

กาเบรียล เชซุส กองหน้าของ อาร์เซนอล จ่าฝูงในศึก พรีเมียร์ลีก ออกมาเปิดเผยว่า เขาต้องลงเล่นให้กับทีมในขณะที่มีอาการเจ็บเข่าอยู่ตลอดเวลา ซึ่งมีผลต่อฟอร์มการเล่นในเวลานี้ด้วย

"ผมจำไม่ได้แล้วว่าวันสุดท้ายที่ผมเล่นฟุตบอลโดยไม่มีความเจ็บปวดคือวันไหน ดังนั้นผมจึงไม่สามารถพูดอะไรมากได้"

"ผมแค่พยายามที่จะฟื้นตัวให้พร้อม ปกติแล้วผมไม่อยากพูดถึงความฟิตของตัวเองเลย หลังฟุตบอลโลก ผมมีอาการบาดเจ็บที่เข่า และฟื้นตัวได้ดีมาก แต่ต้องเจอกับอาการบาดเจ็บหลังช่วงปรีซีซั่น"

"ผมลงเล่นเกม 90 นาที 3 เกมติดต่อกันและกลับมาปวดเข่าอีกครั้ง หลังจากฝึกซ้อมผมก็มีอาการอีก ผมแค่พยายามจะฟิตและช่วย อาร์เซนอลให้เร็วที่สุด น่าเสียดายที่ผมประสบปัญหาบางอย่างและผู้คนไม่ได้เห็นสิ่งนั้น แต่เรื่องของสภาพจิตใจ ผมพยายามเข้มแข็งอยู่เสมอ นั่นรือสิ่งที่ทำ"

เชซุส เผยสาเหตุฟอร์มการยิงประตูตกฮวบกับ อาร์เซนอล ในซีซันนี้

8 วันที่ผ่านมา

มีรายงานว่า ผู้บริหารของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมโละแข้งส่วนเกินออกจากทีมถึง 10 ราย หลังจากที่มีแววจะไม่ได้ไปเล่น ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ในซีซันนี้

แมนเชสเตอร์อิฟนิงนิวส์ สื่อดังของอังกฤษเปิดเผยว่า นักเตะส่วนหนึ่งที่จะถูกโละทิ้งนั้น มาจากแข้งที่กำลังจะหมดสัญญาในซัมเมอร์นี้ ทั้ง ทอม ฮีตัน, อองโตนี มาร์กซิยาล และ แบรนดอน วิลเลียมส์

อีกส่วนหนึ่งเป็นนักเตะที่ถูกปล่อยยืมตัวและคาดว่าจะไม่ได้กลับมาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ โดยมีชื่อของ อัลบาโร เฟร์นานเดซ, ฮันนิบาล เมจบรี, ดอนนี ฟาน เดอ เบ็ค, เจดอน ซานโช, ฟาคุนโด้ เปเลสตรี และ เมสัน กรีนวูด

ส่วนคนสุดท้ายจะเป็นดาวรุ่งอย่าง โอมาริ ฟอร์สัน วัย 19 ปี ซึ่งจะอยู่ในกลุ่มที่จะอำลาทีมในซัมเมอร์นี้ด้วย

ปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รั้งอันดับ 6 ของตาราง แข่ง 31 นัดมี 49 คะแนน ตามหลังทีมอันดับ 4 อยู่ถึง 11 คะแนนในเวลานี้

แมนยู มีแผนโละแข้ง 10 รายหากชวดพื้นที่ แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้

8 วันที่ผ่านมา

มีรายงานว่า อัล-ฮิลาล สโมสรดังแห่งซาอุดิอาระเบีย เตรียมทุ่มซื้อ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ด้วยเงินสดจำนวนมหาศาล หลังจากที่เจ้าตัวมีข่าวเรื่องต่อสัญญาใหม่กับ ลิเวอร์พูล ยังไม่คืบหน้า

ดาวยิงวัย 31 ปีเหลือสัญญาในการค้าแข้งในถื่น แอนฟิลด์ อีกเพียงปีเดียวเท่านั้น โดยมีข่าวออกมาว่าจะมีการพูดคุยเรื่องสัญญาฉบับใหม่ในช่วงซัมเมอร์นี้

ซาลาห์ เคยตกเป็นเป้าหมายของทีมใน ซาอุดิ โปรลีก มาแล้ว โดยทาง หงส์แดง ตอบปฏิเสธข้อเสนอจำนวน 200 ล้านยูโรจาก อัล-อิติฮัด และ อัล-ฮิลาล เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามรายงานจาก ทอล์คสปอร์ต ระบุว่า ทาง อัล-ฮิลาล พร้อมกลับมายื่นข้อเสนออีกครั้ง โดยยินดีจ่ายเป็นเงินสดจำนวน 70 ล้านปอนด์ พร้อมด้วยสัญญา 3 ปี ให้ทาง ซาลาห์ และ ลิเวอร์พูล พิจารณา

ยังไม่มีความชัดเจนว่าดาวยิงทีมชาติอียิปต์จะได้รับเงินค่าเหนื่อยเท่าใด แต่ก็คาดการณ์กันว่าเจ้าตัวจะกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ได้รับเงินค่าเหนื่อยสูงสุดในโลก หากตัดสินใจย้ายไปซาอุดิอาระเบีย

ทีมซาอุฯ ใจถึงพร้อมจ่ายเงินสด กระชากตัว ซาลาห์ จาก ลิเวอร์พูล เสริมทัพ

8 วันที่ผ่านมา

ลิเวอร์พูล สะดุดเสมอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมล่าสุดทำให้สถานการณ์การลุ้นแชมป์ลีกของพวกเขาตกเป็นรอง อาร์เซนอล อีกครั้ง ขณะที่ในรายการนี้ทีมของ คล็อปป์ ยังแทบไม่เจอคู่แข่งที่ตึงมือเลย โดยในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ผ่านมาพวกเขาจัดการอัด สปาร์ต้า ปราก ไปแบบสบาย ๆ 11-2

ด้าน อตาลันต้า รั้งอันดับ 6 ในศึก กัลโช เซเรีย อา ณ ปัจจุบัน โดยผลงานในช่วงหลังจัดว่าไม่ดีนักกับการแพ้รวด 2 นัดหลังสุด ส่วนในรายการนี้พวกเขาจัดการเฉือนชนะ สปอร์ติง ลิสบอน ไปได้อย่างหวุดหวิดด้วยสกอร์รวม 2 นัด 2-1

ลิเวอร์พูล ชนะ 1

เสมอ 0

อตาลันต้า ชนะ 1

ทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ จะไม่สามารถเรียกใช้งาน อลิสซอน เบ็คเกอร์ สเตฟาน ไบจ์เซติช โจเอล มาติป ติอาโก้ อัลคันทารา เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาโนลด์ และ ดิโอโก้ โจต้า ในเกมนี้แน่นอนแล้วเนื่องจากมีปัญหาการบาดเจ็บ ส่วนตัวหลักรายอื่น ๆ ฟิตพร้อมลงสนามในเกมนี้ทั้งหมด

ผู้รักษาประตู: เคลเลเฮอร์

กองหลัง: แบรดลีย์, ควอนซาห์, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน

กองกลาง: โซบอสซไล, แมคอัลลิสเตอร์, โจนส์

กองหน้า: ซาลาห์, กัคโป, ดิอาซ

ทีมของ จิอัน ปิเอโร กาสเปโรนี จะไม่มีชื่อของ จิออร์จิโอ สกาลวินี เพียงรายเดียวเท่านั้นที่ยังบาดเจ็บบริเวณแฮมสตริง ส่วนตัวหลักรายอื่น ๆ ทั้ง จิอันกูก้า สกามัคก้า มาริโอ ปาซาลิช มาเทน เดอ รูน และ อเล็กเซีย มิรานชุค ต่างฟิตพร้อมเป็นตัวเลือกในเกมนี้ทั้งหมด

ผู้รักษาประตู: คาร์เนเซคชี

กองหลัง: โทลอย, เฮน, โคลาซินาค

กองกลาง: ฮาเตบัวร์, เดอ รูน, เด คาเทแลร์, คูปไมเนอร์, ซัปปาคอสต้า

กองหน้า: สกามัคก้า, มิรานชุค

กลับมาลงเล่นในฟุตบอลยุโรปอีกครั้งสำหรับ ลิเวอร์พูล ที่แทบยังไม่เจอคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อเลยในรายการนี้ ขณะที่ อตาลันต้า นั้นหืดจับมาในรอบที่ผ่านมากว่าจะผ่าน สปอร์ติง ลิสบอน มาได้ อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือทั้งคู่มีเกมลีกที่ต้องลุ้น ฝั่ง หงส์แดง ยังลุ้นแชมป์อย่างเอาเป็นเอาตาย ขณะที่ อตาลันต้า ยังพอมีลุ้นท็อป 4 อยู่หากพวกเขาทำผลงานได้ดีในช่วงโค้งสุดท้าย

รูปเกมคาดว่าจะเป็นเจ้าบ้านที่ครองบอลบุกเข้าใส่ ขณะที่ทีมเยือนจะเน้นแพ็คแดนกลางและรอโอกาสในการทำเกมโต้กลับ โดยมี ทูน คูปไมเนอร์ และ ชาร์ล เด คาเทแลร์ เป็นตัวอันตรายในแผงมิดฟิลด์ ขณะที่ หงส์แดง คาดว่าจะยังคงใช้นักเตะชุดที่ดีที่สุดลงสนามและคงต้องการจะยิงประตูให้ได้มากที่สุดเพื่อที่เลกสองจะได้พักตัวหลักเอาไว้จากโปรแกรมที่อัดแน่นในช่วงท้ายฤดูกาล แต่เชื่อว่านัดนี้คงจะไม่ง่ายหากหวังจะยิงกระจาย 3-4 ลูก เพราะทีมเยือนเองก็คงหวังจะใช้รายการนี้เป้นสะพานไปเล่นใน แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลหน้าเช่นกัน คาดว่าเกมจะสู้กันสนุกแต่คงไม่ขาดลอยนัก หงส์แดง อาจจะโหมบุกใส่แต่ผู้มาเยือนก็พร้อมจะแพ็คเกมสู้นั่นอาจทำให้สุดท้ายคงทำได้แค่เฉือนเท่านั้นสำหรับทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์

คาดการณ์สกอร์: ลิเวอร์พูล 2-1 อตาลันต้า

ลิเวอร์พูล พบ อตาลันต้า : ช่องทางถ่ายทอดสด ยูฟ่า ยูโรปาลีก 23/24 รอบ 8 ทีมสุดท้าย, วัน-เวลาแข่งขัน และพรีวิวก่อนเกม

8 วันที่ผ่านมา

อย่างน้อยเหล่าบรรดาแฟนบอลก็จะไม่ต้องนั่งเบื่อกันนานนักเมื่อฟุตบอลลีกใหญ่ ๆ ของยุโรปปิดฤดูกาลลง เพราะปีนี้จะมีศึก ยูโร 2024 ที่จัดว่าได้รับความนิยมในบ้านเรามาคั่นกลางเป็นเวลา 1 เดือนเต็ม

ซึ่งช่วงที่ผ่านมาเราทราบถึงโฉมหน้าทั้ง 24 ทีมที่จะเดินทางไปลงฟาดแข้งกันที่ประเทศเยอรมนีกันแล้ว รวมถึงโฉมหน้าของรอบแบ่งกลุ่มว่าใครอยู่สายใดกันบ้าง ซึ่งวันนี้เราจะลองมาวิเคราะห์ดูกันว่าแต่ละสายใครจะเข้ารอบ รวมถึงรอบน็อคเอาท์ใครจะไปได้ไกลแค่ไหน และที่สำคัญที่ใครจะเป็นผู้ชนะทัวร์นาเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งทวีปยุโรปครั้งนี้

แน่นอนว่าเจ้าภาพอย่างเยอรมนีจะยังเป็นทีมที่ถูกจับตามองมากที่สุดด้วยผลงานการอุ่นเครื่องที่ดูมีของ รวมถึงการกลับมารับใช้ชาติของ โทนี โครส ขณะที่อีกสามทีมอย่าง สกอตแลนด์ ฮังการี และ สวิตเซอร์แลนด์ นั้นมีความใกล้เคียงกันแต่ถ้าให้หาอีกทีมที่เข้ารอบขอยกให้เป็น สวิตเซอร์แลนด์ ที่มักจะเป็นขาประจำในรอบน็อคเอาท์ตบเท้าตาม พลพรรคอินทรีเหล็ก เข้ารอบไป

"กรุ๊ปออฟเดท" ในยูโร 2024 อย่างแท้จริงกับการมียักษ์ใหญ่อย่าง สเปน อิตาลี และ โครเอเชีย ร่วมสายกัน ซึ่งหากดูจากสภาพทีมและผลงานในช่วงที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทัพกระทิงดุ ยังเป็นทีมที่น่าจับตามองมากที่กับดาวรุ่งหน้าใหม่ฝีเท้าดีที่ก้าวขึ้นมามีบทบาทกับทีมมากขึ้น ขณะที่ อิตาลี แชมป์เก่ามีการเปลี่ยนถ่ายสายเลือดครั้งใหญ่ตลอดช่วงที่ผ่านมาทำให้อาจยังต้องใช้เวลาในการหาคนที่ใช่เข้ามาติดทีม ส่วน โครเอเชีย นักเตะแกนหลักส่วนใหญ่ยังคงเป็นชุดเดิมที่เป็นยุคทองของพวกเขาซึ่งแต่ละคนก็อายุมากขึ้นและโรยราไปตามกาลเวลา และคงต้องเสียใจกับ อัลแบเนีย กับการเป็นทีมนอกสายตาในกลุ่มนี้

อีกหนึ่งกลุ่มที่น่าจับตามองเพราะมีทีมขวัญใจชาวไทยอย่างทีมชาติอังกฤษที่ต้องบอกว่าน่าจะไม่เจองานหนักมากนักกับการผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม ขณะที่ เดนมาร์ก เซอร์เบีย และ สโลวิเนีย จะต้องแย้งตั๋วใบสุดท้ายเพื่อเข้ารอบในฐานะอันดับที่ 2 ของกลุ่ม ซึ่งคาดว่า ทัพโคนม ที่นำโดย 2 สตาร์จาก แมนฯ ยูไนเต็ด อย่าง คริสเตียน เอริคเซน และ ราสมุส ฮอยลุนด์ น่าจะมีโอกาสมากที่สุดจากการที่พวกเขามักจะเข้ารอบน็อคเอาท์ได้บ่อย ๆ ในช่วงหลัง

กลุ่มนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้กันกับการมีทีมใหญ่อย่าง ฝรั่งเศษ และ เนเธอร์แลนด์ส ขณะที่อีกสองทีมก็ไม่ธรรมดาเพราะมีทั้ง ออสเตรีย และ โปแลนด์ อยู่ร่วมสาย แน่นอน ทีมตราไก่ เต็งหนึ่งของรายการน่าจะผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม

อย่างไรก็ตามสำหรับอันดับสองนั้นมีโอกาสที่ม้ามึดอย่าง ออสเตรีย ภายใต้การทำทีมของกุนซือ ราล์ฟ รังนิค มีโอกาสเบียด ฮอลแลนด์ ไปได้เพราะ ทัพอัศวินสีส้ม ณ เวลานี้ดูยังไม่เข้าที่เข้าทางนักภายใต้การทำทีมของ โรนัลด์ คูมัน ฟาน ไดจ์ค ก็เริ่มโรยรา แฟรงกี้ ก็แทบจะแบกแดนกลางอยู่คนเดียว แถมตัวรุกหลาย ๆ คนก็ไม่ได้เป็นตัวหลักให้กับสโมสร ซึ่งก็ต้องมาลุ้นกันว่า ทัพกังหันลม จะทำผลงานได้ดีมากน้อยแค่ไหน ส่วน โปแลนด์ รอบคัดเลือกทำได้ไม่ดีนักและต้องเพลย์ออฟเข้ามาแบบหืดจับฉนั้นน่าจะจอดป้ายแค่รอบแบ่งกลุ่มนี้เท่านั้น

จะเรียกว่าเป็นกลุ่มนอกสายตาก็ว่าได้กับการมีทีมอย่าง เบลเยียม ยูเครน โรมาเนีย และ สโลวาเกีย ซึ่งแน่นอนทีมที่ดูจะมีมาตรฐานกว่าใครเพื่อนก็น่าจะเป็น เบลเยียม ที่มีสตาร์อย่าง เควิน เดอ บรอยน์ คอยแบกเกมรุกอยู่ ขณะที่ ยูเครน เองหนนี้ก็มีนักเตะหลายคนที่น่าสนใจทั้งสองสตาร์จาก กิโรนา อย่าง อาร์เตม ดอฟบริก และ วิคตอร์ ซีกานคอฟ รวมถึง โอเล็กซ์ ซินเชนโก้ และ มิเคย์โล มูคริค สองแข้งจาก พรีเมียร์ลีก น่าจะพาทีมผ่านเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จ

มาถึงกลุ่มสุดท้ายที่มีอีกหนึ่งทีมขวัญใจมหาชนอย่าง โปรตุเกส ของ คริสเตียโน โรนัลโด้ ซึ่งปีนี้นักเตะหลายคนผลงานเข้าตามาก ๆ ซึ่งก็น่าจะเข้ารอบเป็นแชมป์กลุ่มได้หากไม่มีอะไรผิดพลาด ขณะที่ตั๋วใบสุดท้ายคงจะเป็น ตุรกี และ สาธารณรัฐเช็ก ที่ต้องแย่งชิงกัน และอาจจะเป็น ตุรกี ที่อาจจะเฉือนปาดหน้าเข้ารอบไปได้จากองค์ประกอบทีมที่ดูจะสมดุลในทุกตำแหน่ง ขณะที่ จอร์เจีย คงจะมาเน้นเข้าร่วมไม่เน้นเข้ารอบ !

หลังจากปี 2016 เป็นต้นมารอบ 16 ทีมสุดท้ายจะนำอันดับ 3 ที่ผลงานดีที่สุด 4 ทีมในแต่ละกลุ่มเข้ารอบน็อคเอาท์มาด้วย ซึ่งทาง 90min เองมองว่า 4 ทีมดังกล่าวน่าจะประกอบด้วย โครเอเชีย ฮังการี เซอร์เบีย และ เนเธอร์แลนด์ส

ซึ่งนั่นจะทำให้หน้าตาของรอบ 16 ทีมสุดท้ายผลประกบคู่จะมีดังนี้

หนึ่งในคู่ที่คาดว่าจะพลิกล็อคนั่นคือการที่ ฮังการี อาจจะเอาชนะยักษ์ใหญ่อย่าง สเปน ได้ด้วยเกมรับอันแข็งแกร่ง ซึ่ง ทัพกระทิงดุ มักจะตกม้าตายในเกมน็อคเอาท์แบบนัดเดียวจอดโดยเฉพาะกับทีมที่ตั้งรับเหนียวแน่น ซึ่งหากยื้อไปถึงการดวลจุดโทษได้โอกาสก็แทบจะเป็น 50-50 เลยก็ว่าได้

และแล้วเราก็มาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายซึ่งเหลือแต่ทีมระดับยักษ์ของทวีปบวกกับม้ามึดประจำทัวร์นาเมนต์อย่าง ฮังการี ที่จะต้องมาพบกับเจ้าภาพ เยอรมนี รวมถึง ออสเตรีย ที่จะพบกัยอีกหนึ่งทีมเต็งอย่าง โปรตุเกส และอีกสอสองคู่ ไฮไลท์อย่าง เบลเยี่ยม ที่จะเจอกับ ฝรั่งเศส รวมถึงการรีรันคู่ชิงชนะเลิศ ยูโร 2020 อย่าง อังกฤษ ที่จะพบกับ อิตาลี

ซึ่งเรามองว่าไม่น่าจะมีการพลิกล็อคอะไรในรอบนี้ เยอรมนี จะผ่าน ฮังการี มาได้รวมถึง โปรตุเกส จะจัดการกับม้ามึด ออสเตรีย ส่วน ฝรั่งเศส ก็จะมาตามนัด และ อังกฤษ จะล้าตา อิตาลี เข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ

4 ยักษ์ใหญ่ที่ไม่ว่าใครจะคว้าแชมป์ก็ล้วนแต่สมศักดิ์ศรี ซึ่งรอบนี้ เยอรมนี จะพบกับ โปรตุเกส และอีกคู่ ฝรั่งเศส กับ อังกฤษ

แน่นอนว่ามันยากที่คาดจะคาดเดาเพราะทั้งสองคู่มีโอกาสพลิกล็อคไปมากันได้ตลอด โดยสำหรับคู่แรก เยอรมนี กับ โปรตุเกส ยังมองว่าแม้จะคู่คี่สุด ๆ เมื่อเทียบกันตำแหน่งต่อตำแหน่งแต่เชื่อว่าความหวือหวาของ โปรตุเกส น่าจะมีทีเด็ดในการปราบเจ้าบ้านที่เน้นความคงเส้นคงวาไปได้

ขณะที่อีกคู่เป็นการพบกันของเต็งหนึ่งและสองของรายการ แม้จะเทใจอยากให้อังกฤษประสบความสำเร็จมากแค่ไหน แต่การพบกันของสองทีมนี้ในช่วงหลัง ทีมตราไก่ มักจะข่มอยู่เสมอ โดยเฉพาะทีเด็ดของ คิเลียน เอ็มบัปเป้ น่าจะช่วยให้พวกเขาเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปได้ในที่สุด

รอบชิงชนะเลิศปีนี้รีรันรอบชิงในศึก ยูโร 2016 ที่ผ่านมา ซึ่งอย่างที่ทราบดีว่าตอนนั้น โปรตุเกส ได้ทีเด็ดจาก เอแดร์ ส่องไกลในช่วงต่อเวลาพิเศษดับความฝันฝรั่งเศสลงไปส่ง คริสเตียโน โรนัลโด้ คว้าแชมป์ระดับทวีปมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่

และสำหรับปีนี้การโคจรมาพบกันอีกครั้งนั้นจะต่างออกไปเพราะนอกจาก อ็องตวน กรีซมันน์ แข้งยอดเยี่ยมแห่งทัวร์นาเมนต์เมื่อปี 2016 ยังอยู่ พวกเขายังมีสตาร์ดวงใหม่ที่มาแรงกว่าเดิมอย่าง คิเลียน เอ็มบัปเป้ เข้ามาเสริมแรง แน่นอนว่าแม้ โปรตุเกส เองก็มีดาวดวลใหม่ขึ้นมาหลายคนแต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับเขาคนนี้ที่ว่ากันว่าเป็นอันดับหนึ่งหลังจากยุค โรนัลโด้ และ เมสซี ด้วยเหตุนั้นเอง

นอกจากนี้ เอ็มบัปเป้ จะคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ไปครองได้อีกด้วย

บทวิเคราะห์ ยูโร 2024 : ฟังธงใครรุ่ง-ใครร่วง ตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มจนถึงรอบชิงชนะเลิศกลางปีนี้

8 วันที่ผ่านมา

เกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่ลงทำการแข่งขันกันในช่วงกลางสัปดาห์นี้ โดยฝั่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเจอกับของแข็งอย่าง เรอัล มาดริด ตัวแทนจาก ลาลีกาสเปน ซึ่งการพบกันครึ่งหลังสุดเมื่อฤดูกาลที่แล้วจบลงด้วยชัยชนะอันท่วมท้นของ เรือใบสีฟ้า

แมนซิตี้ ถ่ายทอดสดช่องไหน ? ช่องทางรับชม เกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้ายพบ เรอัล มาดริด

9 วันที่ผ่านมา

Goat football website logo

เงื่อนไขและข้อตกลง

นโยบายข้อมูลและความปลอดภัย

รายงานปัญหา

© 2023 Goatfootball.com All rights reserved.